จะปฏิรูปการเมืองไทย ต้องยกเลิก สส. เขต

เราพูดเรื่องปฏิรูปการเมืองไทย เรื่องการเมืองใหม่กันมากในช่วงนี้ แต่ก็ดูจะไม่มีใครที่มีข้อเสนอที่ชัดเจนนักว่าจะทำอย่างไร บางคนบอกว่าต้องยกเครื่องระบบโดยการแก้รัฐธรรมนูญ แต่หลายคนบอกว่าระบบดีอยู่แล้ว ที่ต้องทำคือหาคนดีๆ มาทดแทนนักการเมืองรุ่นเก่าที่เน่าเต็มทน ผมเองคิดว่าคงต้องทำทั้งสองอย่าง แต่เห็นว่ากุญแจสำคัญอย่างหนึ่งก็คือการยกเลิก สส. เขต ซึ่งจะเป็นการตัดวงจรธุรกิจการเมือง เปิดโอกาสให้คนดีๆ เข้าสู่การเมืองมากขึ้น

ผมเคยเขียนในบทความ การเมืองใหม่..แนวทางเพื่อการหลุดพ้นจากวังวน ว่าเรามี “ปัญหาการเลือกตั้งที่มีการซื้อเสียงหรือการ”ลงทุน”ด้วยวงเงินสูงและเป็นไป อย่างกว้างขวาง ซึ่งนำไปสู่การ”ถอนทุน”ด้วยการคอรัปชั่น” การลงทุนทางการเมืองที่หวังผลได้ ในวงเงินพอเหมาะและมีโอกาสคุ้มทุน ก็คือการสงทุน”ปั้น” สส. เขต ซึ่งรวมถึงการลงทุนสร้างเครื่อข่ายหัวคะแนน และการซื้อเสียงในวันเลือกตั้ง ยิ่งเขตเล็ก ก็ยิ่งมีโอกาสคุมสถานการณ์ได้ดีขื้น ลงทุนน้อยลง และหวังผลได้แน่นอนกว่า

อัน ที่จริง ปัญหาของระบบ สส. เขตของไทย ไม่ใช่จะมีเฉพาะความง่ายในการลงทุนเพื่อเข้ามาเป็น สส. ซึ่งเป็นพื้นฐานของอำนาจทางการเมืองระดับประเทศ ความที่ สส. เขตถูกออกแบบให้ต้องตอบสนองต่อความต้องการของพื้นที่ โดยไม่ต้องคำถึงถึงภาพรวม ก็จะนำไปสู่การสร้างโครงการต่างๆ ไป”ลง”ยังพื้นที่ ซึ่งเป็นการเพิ่มคะแนนนิยม และเป็นช่องทางในการหาประโยชน์จากโครงการเหล่านันโดย สส. เขตและเครื่อข่าย สส. เขตจึงเป็นเสมือนเซลเนื้อร้ายที่คอยกัดกร่อนระบบการเมืองไทยมาโดยตลอด

นอก จากนั้น การเลือก สส. เขต ยังเป็นระบบ “ผู้ชนะรับหมด” (winner takes all) ถ้าเขตใดมีส สส. ได้ 2 คน คะแนนเสียงที่เลือกคนที่ได้ที่ 3, 4, 5… ก็สูญเปล่าทั้งหมด เราจึงอาจจะพบภาวการณ์ที่พรรคการเมืองหนึ่งได้รับคะแนนเสียงรวมมากกว่า แต่ได้จะนวน สส. รวมน้อยกว่าอีกพรรคการเมืองหนึ่ง

ระบบการเมืองของ เราในปัจจุบัน กำหนดให้มี สส. เขต 400 คน และ สส. สัดส่วน 80 คน จะเห็นได้ว่าให้ความสำคัญกับ สส. เขต มากกว่า สส. สัดส่วน มาก ถ้าสส. เขต “เป็นเสมือนเซลเนื้อร้ายที่คอยกัดกร่อนระบบการเมืองไทย” ตามที่ผมว่ามาข้างต้น ตรงนึัแหละ จึงเป็นปัญหาใหญ่ของระบบ และเป็นกุญแจสำคัญในการปฏิรูประบบ

ถ้าเรายกเลิก สส. เขต และใช้ระบบ สส. สัดส่วนอย่างเดียว จะเกิดอะไรขึ้น

การ ลงทุนทางการเมืองด้วยการ "ปั้น" สส. จะทำได้ยากมาก ถ้าจะใช้วิธีเดิมๆ จะต้องลงทุนสูงมาก แต่ไม่อาจหวังผลได้อย่างชัดเจน ภาพรวมของการลงทุนทางการเมืองจะน้อยลงอย่างมาก
การต่อสู้ทางการเมืองจะเน้นการเสนอนโยบายที่ดี และการสรรหาบุคคลากรที่ความรู้ความสามารถบรรจุเข้าบัญชีรายชื่อของพรรค
พรรคการเมืองที่มีฐานเสียงมั่นคงระดับประเทศ จะได้เปรียบ ส่วนพรรคเฉพาะการณ์ พรรคที่มีเจ้าของ จะเสียเปรียบในการเลือกตั้ง
พรรค การเมืองใหม่ หรือพรรคการเมืองทางเลือก ซึ่งมีนโยบายหรือบุคคลากรที่แตกต่างจากพรรคการเมืองและนักการเมืองรุ่นเก่า มีโอกาสได้ สส. เข้าสภามากขึ้น เพราะทุกคะแนนเสียงที่เลือกถูกนำมาใช้คิดคำนวณจำนวน สส.
เมื่อ สส. ตายหรือพ้นจากตำแหน่ง ไม่จำเป็นต้องจัดเลือกตั้งใหม่ เพราะสามารถเลื่อนบุคคลในบัญชีรายชื่อของพรรคนั้นๆ ขึ้นมาทำหน้าที่แทนได้เลย

เมื่อไม่มีการลงทุนทางการเมือง และอิทธิพลท้องถิ่นต่างๆ ถูกลดบทบาทลง สมการทางการเมืองไทยจะเปลี่ยนไปอย่างมาก แน่นอน ภาวะการเมืองล้มเหลวของไทยคงจะไม่สามารถแก้ได้ด้วยยาวิเศษเพียงขนานเดียว การปฏิรูปการเมืองเป็นขบวนการต่อเนื่อง แต่ผมก็ยังมั่นใจว่า การปรับเปลี่ยนตามแนวทางนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นที่มีนัยสำคัญมาก และไม่ต้องห่วงนะครับ เพราะว่าไทยจะไม่ใช่ประเทศแรกหรือประเทศเดียวที่ใช้ระบบ สส. ส่ัดส่วนเป็นหลักของระเบบการเมือง ในยุโรป และที่อื่นๆ ก็มีการนำมาใช้ก่อนหน้านี้นานแล้ว ผมเองก็ไม่ใช่คนเดียวที่คิดเรื่องนี้

จะ ปฏิรูปการเมืองกันทั้งที คงไม่ใช่ปรับแค่เขตใหญ่ให้เล็กลง ซึ่งสวนทางโดยตรงกับแนวทางของบทความนี้ เลิก สส. เขต เถอะครับ แล้วเมืองไทยจะได้ก้าวพ้นจากวังวนเสียที

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *